วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

เมนูห่อหมกปลาแซลมอน

ห่อหมกปลาแซลมอน Thai Steamed Curried Salmon

ร้่านอาหารไทยต่างๆทั้งในไทยและต่างแดนต่างก็มีเมนูห่อหมก ซึ่งเป็นที่ประทับใจชาวต่างชาติเป็นอย่างมากด้วยหน้าตาที่ไม่เหมือนใคร รสชาติและกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ และเมนูนี้สามารถพลิกแพลงได้หลายทางทั้งภาชนะที่ใส่ วัตถุดิบที่ใช้ โดยวันนี้จะมีพระเอกเป็นปลาแซลมอน สุดแสนจะไฮโซ 


สูตรห่อหมกปลาแซลมอน Thai Steamed Curried Salmon


สำหรับ 1-2 ท่าน 
เวลา 30 นาที

วัตถุดิบห่อหมกปลาแซลมอน Thai Steamed Curried Salmon

1. ปลาแซลมอนชิ้น 10 ชิ้น
2. ไข่ไก่ 1 ฟอง
3. กะทิ 1/2 ถ้วย
4. ใบโหระพาสับ 1 ช้อนชา (8 ใบไว้ลองก้นถ้วย)
5. ใบมะกรูดสับ 1 ช้อนชา
6. เนื้อปลาแซลมอนบด 1 ถ้วยตวง
7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
9. พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด
10. พริกชี้ฟ้าแห้ง 5 เม็ด
11. ข่าหั่นแว่น 5 ชิ้น
12. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ 
13. ผิวมะกรูด 1 ช้อนชา
14. กระเทียม 5 กลีบ 
15. หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
16. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
17. เม็ดผักชีป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำห่อหมกปลาแซลมอน Thai Steamed Curried Salmon


1. ตำพริกแกงเผ็ดด้วยพริกชี้ฟ้าแห้ง ข่าหั่นแว่น ตะไคร้ซอย ผิวมะกรูด กระเทียม หอมแดงสับ พริกไทยป่น เม็ดผักชีป่น ให้ละเอียดดีแล้วพักไว้ หรือพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ
2. ทำห่อหมกโดยผสมไข่ไก่ กะทิ ใบโหระพาสับ ใบมะกรูดสับ เนื้อปลาแซลมอนบด น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ จนเป็นเนื้อเดียวกัน อาจนำไปเข้าไมโครเวฟสักนิดเพื่อชิมก่อนก็ได้
3. นำห่อหมกที่ผสมไว้ใส่ลงในภาชนะ โดยวางปลาแซลมอนชิ้นไว้ด้านหน้าเพื่อความสวยงาม นำไปนึ่งอีก 10 นาที จนสุกดี
4. แต่งหน้าด้วยพริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด และหัวกะทิ

เมนูข้าวยำน้ำบูดู - ข้าวยำปักษ์ใต้

ข้าวยำน้ำบูดู - ข้าวยำปักษ์ใต้ 
Spicy Rice Salad with Vegetable

เมนูอาหารจานเดียวประจำภาคใต้ หากใครได้มีโอกาสลองทานจะติดใจในรสชาติของน้ำบูดูหวานๆเค็มๆที่นำมาราดกับข้าวสวยและผักต่างๆมากมาย เช่น ถั่วฝักยาว หอมแดงซอย ใบมะกรูดซอย ถั่วงอก มะม่วงซอย ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้คือ มะพร้าวและกุ้งแห้งป่นคั่ว เวลาทานจะต้องราดน้ำบูดูลงไปและคลุกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน ถือเป็นอาหารจานเดียวที่ทานแล้วได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด 


สูตรข้าวยำน้ำบูดู Spicy Rice Salad with Vegetable

สำหรับ 1-2 ท่านขึ้นไป 
เวลา 1-2 ชั่วโมง

วัตถุดิบข้าวยำน้ำบูดู Spicy Rice Salad with Vegetable


1. น้ำบูดู 1 ขวดเล็ก 
2. หอมแดงไทยบุบ 7 หัว
3. ปลาโอเค็มยี 1/2 ถ้วยตวง
4. ข่าบุบ 1 แง่ง
5. ตะไคร้บุบ 1-2 ต้น 
6. ใบมะกรูด 10 ใบ
7. น้ำตาลปี๊บ 1/2-3/4 ถ้วยตวง
8. ผักสดต่างๆซอย ตามชอบ
9. กุ้งแห้งป่น ตามชอบ
10. มะม่วงซอย ตามชอบ
11. ตะไคร้ซอย ตามใจชอบ
12. มะนาวซีก ตามชอบ
13. หอมแดงไทยซอย ตามชอบ
14. มะพร้าวคั่ว ตามชอบ
15. ใบมะกรูดซอย ตามชอบ 
16. ข้าวสวย ตามชอบ

วิธีทำข้าวยำน้ำบูดู Spicy Rice Salad with Vegetable
1. เทน้ำบูดูใส่ในหม้อเคี่ยวไฟกลางจนเดือดแล้วใส่หอมแดงไทยบุบ ปลาโอเค็มยี ข่าบุบ ตะไคร้บุบ ใบมะกรูด น้ำตาลปี๊บลงไป 
2. เมื่อเดือดอีกครั้งให้เบาไฟลงกลางค่อนข้างอ่อนเคี่ยวต่ออีก 1 - 2 ชั่วโมงจนน้ำงวด น้ำบูดูจะข้นขึ้นเล็กน้อย ความหนืดข้นประมาณซีอิ๊วหวานหรือใสกว่าก็ได้ รสชาติเค็มตัดหวานและหอมสมุนไพรกับปลาเค็ม 
3. จัดทานคู่กับข้าวสวยและผักต่างๆ

 

เมนูกุ้งกระจกม้วน

กุ้งกระจกม้วน Spring Rolls with Shrimp Filling 

กุ้งกระจกม้วน เป็นเมนูที่ดัดแปลงจากเมนูกุ้งกระเบื้อง แล้วเปลี่ยนรูปร่างให้มาอยู่ในรูปแบบแท่งกลม ทำให้หยิบรับประทานง่ายยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับงานปาร์ตี้เป็นอย่างมาก รสชาติกลมกล่อม เมื่อทานคู่กับซอสวาซาบิโย่ (มายองเนสผสมวาซาบิ) เข้ากันมากๆ 


สูตรกุ้งกระจกม้วน Spring Rolls with Shrimp Filling


สำหรับ 5-6 ที่
เวลา 20 นาที

วัตถุดิบกุ้งกระจกม้วน Spring Rolls with Shrimp Filling
1. เนื้อกุ้งสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
2. แครอทสับละเอียด 1 ถ้วยตวง
3. ไข่ไก่ (เฉพาะไข่ขาว) 1 ฟอง
4. รากผักชีหั่นหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ
5. พริกไทยเม็ด 1/4 ช้อนชา
6. มายองเนส 3 ช้อนโต๊ะ
7. วาซาบิชนิดครีม 2 ช้อนชา
8. ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
9. แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ 15 แผ่น
10. น้ำมันสำหรับทอด
11. ใบผักชีสับละเอียด

วิธีทำกุ้งกระจกม้วน Spring Rolls with Shrimp Filling

1. ทำเครื่องจิ้ม โดยผสมมายองเนสกับวาซาบิให้เข้ากัน เตรียมไว้
2. ผสมรากผักชี และพริกไทยเข้าด้วยกัน แล้วใส่ลงคลุกเคล้ากับกุ้งและแครอท ใส่ไข่ขาวลงไป ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวนวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันและเหนียวขึ้นพักไว้
3. ตักส่วนผสมกุ้งลงบนแผ่นปอเปี๊ยะ ม้วนให้เป็นแท่งกลม จากนั้นนำไป ทอดในน้ำมันร้อน (ใช้ไฟปานกลาง) จนสุกเหลือง ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
4. จัดใส่จานเสิร์ฟ โรยใบผักชีสับเล็กน้อย รับประทานกับเครื่องจิ้ม

 

เมนูซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทย

ซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทย 
Fried Pork Spare Ribs With Garlic 

 เนื้อสัตว์ส่วนซี่โครงดูจะเป็นส่วนที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ด้วยความอร่อยที่ไม่เหมือนส่วนอื่นๆ ถึงแม้ว่า ส่วนเนื้อจะมีไม่มาก เมื่อเทียบกับราคาและเนื้อส่วนอื่นๆ แต่ก็เป็นที่ต้องการของตลาดและนักชิมแทบทุกครัว ไม่ว่าจะ ผัด ต้ม แกง ทอด 


สูตรซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทย Fried Pork Spare Ribs With Garlic


สำหรับ 1-2 ท่าน 
เวลา 5 นาที หมัก 30 นาที ขึ้นไป

วัตถุดิบซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทย Fried Pork Spare Ribs With Garlic 
1. ซี่โครงหมูหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 2-3 ถ้วยตวง
2. กระเทียมไทยสับ 1 ถ้วยตวง
3. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
4. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
5. พริกไทยป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำซี่โครงหมูทอดกระเทียมพริกไทย Fried Pork Spare Ribs With Garlic 

1. ต้มเนื้อหมูไฟกลางจนนุ่มดี นำขึ้นสะเด็ดน้ำพักไว้ให้หายร้อน แล้วนำไปหมักด้วย ซอสปรุงรส ซีอิ้ว พริกไทยป่น และ กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
2. เจียวกระเทียมที่เหลือด้วยไฟกลางค่อนข้างแรง แล้วสะเด็ดน้ำมันพักไว้ ตามลงไปทอดต่อด้วยเนื้อหมูที่หมักไว้ จนได้ที่ ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยพริกไทยเล็กน้อย และกระเทียมที่เจียวไว้ 

เมนูลาบทอด

ลาบทอด Thai Deep Fried Spicy Minced Pork

ลาบหมูเป็นอาหารขึ้นชื่อจากทางภาคอีสานที่โด่งดังไปทั่วทั้งประเทศอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่อาหารไทยเราไม่เคยหยุดนิ่ง การผสมผสาน และคิดหาเมนูใหม่ๆ จึงเกิดขึ้นตลอดเวลา เมนูลาบทอดเริ่มแรกจากไหนคงจะไม่มีใครตอบได้ อร่อยต่อๆ กัน ปากต่อปาก จนตอนนี้ใครหลายๆ คนติดอกติดใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 


สูตรลาบทอด Thai Deep Fried Spicy Minced Pork


สำหรับ 1-2 ท่าน 
เวลา 10 นาที

วัตถุดิบลาบทอด Thai Deep Fried Spicy Minced Pork

1. หมูสับ 1 ถ้วยตวง
2. ผักชีฝรั่งซอย 2 ช้อนโต๊ะ
3. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
4. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
5. ใบมะกรูดสับ 2 ช้อนชา
6. ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
7. พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
8. แป้งทอดสำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำปลา 1/2 - 1 ช้อนโต๊ะ
10. มะนาวหั่นซีก 1 ลูก
11. ใบสะระแหน่ ทานแนม
12. ผักสดอื่นๆ ทานแนม

วิธีทำลาบทอด Thai Deep Fried Spicy Minced Pork

1. นำส่วนผสมทั้งหมด ผสมรวมกัน นวดจนเข้ากันดี (ยกเว้น มะนาว สะระแหนะ และผักสดอื่นๆ)
2. ปั่น เป็นลูกเล็กๆ ประมาณ ลูกชิ้นหมู หรือ แบนๆ แบบทอดมันปลาก็ได้ ทอดในน้ำมันกลางค่อนข้างแรง คอยคุมไฟ
3. ประมาณ 1- 1.30 นาที เมื่อสีสวยใช้ได้และสุกถึงข้างในแล้ว ตักใส่จาน ทานแนมผักสดต่างๆ ใบสะระแหน่ และมะนาวซีกข้างๆ

เมนูแกงเลียงปูนิ่มทอด

แกงเลียงปูนิ่มทอด Thai Spicy with Soft Shell Crab

แกงเลียงส่วนมากมักจะใส่กุ้งสดลงไป ลองทำแกงเลียงปูนิ่มและเปลี่ยนมาใส่ผักแบบใหม่ๆ เช่นฝักทองญี่ปุ่น เห็ดแชมปิญอง แก่นตะวันดูบ้าง รับลองว่าเข้ากันได้เป็นอย่างดี แถมยังอร่อยได้เรื่องแน่นอนครับ 


สูตรแกงเลียงปูนิ่มทอด Thai Spicy with Soft Shell Crab

สำหรับ 1-2 ที่
เวลาในการทำ 10 นาที

วัตถุดิบแกงเลียงปูนิ่มทอด Thai Spicy with Soft Shell Crab
1. ปูนิ่ม 1-2ตัว
2. แป้งอเนกประสงค์สำหรับทอด 1 ถ้วย
3. น้ำเปล่าหรือน้ำซุป 2 1/2 ถ้วย
4. ฟักทองญี่ปุ่นหั่นเต๋า 1/2 ถ้วย
5. ยอดผักหวาน 1/2 ถ้วย
6. แก่นตะวัน 2 แง่ง
7. เห็ดแชมปิญอง 3 ดอก
8. ยอดข้าวโพด 3 ยอด 
9. ใบแมงลัก 1/4 ถ้วย

ส่วนผสมพริกแกงเลียง 
1. กะปิอย่างดีห่อใบตองย่าง 3 ช้อนโต๊ะ 
2. หอมแดงเล็ก 12 ลูก 
3. พริกไทยขาวเม็ด 15 เม็ด 
4. กุ้งแห้งเนื้อ 6 ช้อนโต๊ะ 
5. กระชายซอย 1 ช้อนโต๊ะ 
6. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ 

วิธีทำแกงเลียงปูนิ่มทอด Thai Spicy with Soft Shell Crab
1. นำปูนิ่มชุบแป้งลงทอด พักไว้
2. ตั้งน้ำหรือน้ำซุปให้เดือดใส่พริกแกงเลียงทีละ 2 ช้อนโต๊ะ ชิมรสชาติตามชอบอาจเติมน้ำปลาเพิ่มได้ 
3. ใส่ผักเริ่มต้นที่ฟักทอง แก่นตะวัน ยอดข้าวโพด เห็ดแชมปิญอง จนสุกตามลำดับ
4. จัดเสิร์ฟในชาม โรยด้วยผักหวานและปูนิ่ม

วิธีทำพริกแกงเลียง
1. นำส่วนผสมทุกอย่างมาโคลกรวมกันให้ละเอียด 

เมนูส้มตำแก่นตะวันปูนิ่มทอด

ส้มตำแก่นตะวันปูนิ่มทอด 
Papaya Salad with Soft Shell Crab

วันนี้จะทำส้มตำปูนิ่มใช้แก่นตะวันแทนมะระกอ แก่นตะวันมีประโยชน์ในการช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาลแถมยังมีกากใยสูงช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ลองดูครับสำหรับสาวๆ ที่ต้องการดูแลรูปร่างแก่นตะวันเป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยทีเดียวและเมื่อได้ส้มตำแก่นตะวันแล้ว นำมาทานพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ และปูนิ่มทอด เข้ากันแถมอร่อยได้เรื่องมากเลยทีเดียว 


สูตรส้มตำแก่นตะวันปูนิ่มทอด Papaya Salad with Soft Shell Crab


สำหรับ 1-2 ที่
เวลาในการทำ 15 นาที

วัตถุดิบส้มตำแก่นตะวันปูนิ่มทอด Papaya Salad with Soft Shell Crab
1. ปูนิ่ม 1 ตัว
2. แป้งทอดกรอบ 1/4 ถ้วย
3. แก่นตะวัน 1/4 ถ้วย
4. แครอทขูด 15 กรัม 
5. กระเทียมบุบ 5 เม็ด
6. ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 
7. มะเขือเทศราชินี 3-5 ลูก
8. ลูกมะนาวโห่ 3 ลูก
9. พริกขี้หนู 5 เม็ด
10. กุ้งแห้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ
11. ถั่วลิสง 1 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
13. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
14. น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำส้มตำแก่นตะวันปูนิ่มทอด Papaya Salad with Soft Shell Crab
1. นำปูนิ่มคลุกแป้ง ลงทอดและพักไว้
2. ทำน้ำส้มตำโดยผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มะนาว คนจนน้ำตาลปี๊บละลาย
3. จากนั้นใส่ผักทุกอย่างลงไป ลงมือคลุกให้เข้ากัน
4. จัดเสิร์ฟส้มตำ ปูนิ่ม พร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ

เมนูยำไก่ฉีกน้ำพริกเผาถั่ว (เมนูผู้ป่วยโรคเบาหวาน)

ยำไก่ฉีกน้ำพริกเผาถั่ว  (เมนูผู้ป่วยโรคเบาหวาน)
Spicy Chicken salad with Mixed Nuts

อาหารจานยำมีรสชาติจัดจ้านเปลี่ยนมื้ออันน่าเบื่อของผู้ป่วยเบาหวานให้มีชีวิตชีวามากขึ้น การนำเซเลอรี่ซึ่งมีไฟเบอร์สูง และเป็นผักที่ทานได้โดยไม่ต้องทำให้สุกช่วยในการเพิ่มไฟเบอร์ให้มื้ออาหารนี้ และถั่วแม้จะไม่เหมาะกับผู้ป่วยแต่การรับประทานเล็กน้อยกลับมีประโยชน์เรื่องไขมันดีกลับผู้ป่วย 


สูตรยำไก่ฉีกน้ำพริกเผาถั่ว Spicy Chicken salad with Mixed Nuts (เมนูผู้ป่วยโรคเบาหวาน)


สำหรับ 1-2 ที่
เวลา 30 นาที

วัตถุดิบยำไก่ฉีกน้ำพริกเผาถั่ว Spicy Chicken salad with Mixed Nuts (เมนูผู้ป่วยโรคเบาหวาน)
1. อกไก่ลอกหนัง 1 อก
2. ซอสปรุงรส 2 ช้อนชา
3. พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
4. กระเทียมไทย 1 ช้อนโต๊ะ
5. รากผักชี 2 ราก
6. เซเลอรี่หั่นเต๋า 1 1/2 ถ้วย
7. ถั่วมิกซ์นัท 1/4 ถ้วย
8. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
11. น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
12. พริกขี้หนูซอย 2 ช้อนชา
13. หอมแดงหั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
14. หอมแดงเจียว 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำยำไก่ฉีกน้ำพริกเผาถั่ว Spicy Chicken salad with Mixed Nuts (เมนูผู้ป่วยโรคเบาหวาน)

1. หมักไก่ โดยการตำกระเทียม รากผักชี พริกไทย ใส่ลงไก่ ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส หมักไว้ 15-30 นาที
2. นำไก่มาทำให้สุกด้วยการ นำเข้าไมโครเวฟ ไฟสูงสุด 5 นาที พักให้เย็น แล้วนำมาฉีกขนาดตามชอบ
3. ทำน้ำยำ โดยผสมน้ำพริกเผา น้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ หอมแดง พริกขี้หนูซอยให้เข้ากัน
4. นำไก่ฉีก เซเลอรี่หั่น และน้ำยำมาคลุกในชามผสม และใส่มิกซ์นัทตามลงไป
5. จัดเสิร์ฟโดยโรยหอมเจียวก่อนเสิร์ฟ

เมนูยำบุก (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)

ยำบุก Konjac Salad (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)

โรคไตเกิดจากความเสื่อมของไตซึ่งทำหน้าที่กรองของเสียจากร่างกาย เมื่อไตเสื่อมตัวผู้รับประทานอาหารจะต้องคัดสรรการรับประทานอาหารเองเพื่อให้สารพิษผ่านสู่ไตให้น้อยที่สุด อาหารยำจานนี้มีรสชาติไม่จัดจ้านช่วยให้ไตไม่ต้องทำงานหนักในการกรองสารพิษมากนัก



สูตรยำบุก Konjac Salad (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)


สำหรับ 1-2 ที่
เวลา 20 นาที

วัตถุดิบยำบุก Konjac Salad (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)
1. บุกแบบเส้นหรือแบบชิ้นตามชอบ 250 กรัม
2. หมูบด 100 กรัม
3. น้ำมะนาวคั้น 2 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำปลาลดโซเดียม 1 ช้อนโต๊ะ
6. หอมแดงหั่น 3 ช้อนโต๊ะ
7. พริกขี้หนูบด 3 เม็ด
8. กระเทียมบด 1 ช้อนชา
9. น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
10. ปลาข้าวสารอบกรอบ ตามชอบ

วิธีทำยำบุก Konjac Salad (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)
1. ตั้งน้ำในกระทะจนเดือด ใส่หมูลงผัดปรุงรสด้วยน้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ ใส่บุก คั่วจนสุก ตักขึ้นพักไว้
2. ทำน้ำยำโดยผสมน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา มะนาว กระเทียม พริก และหอมแดง ให้เข้ากัน
3. นำหมูกับเส้นบุกมาคลุกผสมกับน้ำยำ
4. จัดเสิร์ฟใส่จาน โรยปลาข้าวสารก่อนเสิร์ฟ

เมนูผักกาดขาวห่อหมูสไลด์นึ่งมะนาว (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)

ผักกาดขาวห่อหมูสไลด์นึ่งมะนาว (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)
Steamed Stuffed Cabbage in Lemon Sauce 

แม้ผักส่วนมากจะมีแร่ธาตุเช่นโพแทสเซียม โซเดียม ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ปกติร่างกายจะต้องการแร่ธาตุจำกัด ส่วนเกินจะถูกขับออกทางไต ผักที่มีสีจัดๆ จะมีแร่ธาตุมากจะทำให้ไตทำงานหนัก เมื่อเป็นโรคไตจึงต้องหลีกเลี่ยงผักที่มีสีจัดๆ แต่ผักที่มีสีอ่อนเช่นผักกาดขาว กะหล่ำปลี มีแร่ธาตุไม่สูงแต่ได้เรื่องกากใยในการขับถ่าย ผักกาดขาวในจานนี้ นอกจากให้กากใยแล้ว ผักกาดขาวยังช่วยทำหน้าที่เก็บรักษารสชาติและความชุ่มฉ่ำของหมูสไลด์ไว้อีกด้วย 

สูตรผักกาดขาวห่อหมูสไลด์นึ่งมะนาว Steamed Stuffed Cabbage in Lemon Sauce (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)


สำหรับ 1-2 ที่
เวลา 20 นาที

วัตถุดิบผักกาดขาวห่อหมูสไลด์นึ่งมะนาว Steamed Stuffed Cabbage in Lemon Sauce (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)
1. หมูสไลล์ 2.5 ขีด
2. ผักกาดขาว 1 ต้น
3. ต้นหอม 2 ต้น
4. กระเทียมจีนปลอกเปลือก 5 กลีบใหญ่
5. พริกขี้หนูสีเขียว 5 เม็ด
6. น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมะนาวคั้น 3 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือแกง 1 1/2 ช้อนชา
9. รากผักชี 2 ต้น

วิธีทำผักกาดขาวห่อหมูสไลด์นึ่งมะนาว Steamed Stuffed Cabbage in Lemon Sauce (เมนูอาหารผู้ป่วยโรคไต)
1. ต้มน้ำให้เดือดนำผักกาดขาวและต้นหอมลงไปลวกจนสุกนิ่ม ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น
2. นำผักกาดขาวมากลางออก นำหมูสไลด์วางลงบนผักกาดขาว ม้วนแล้วเอาต้นหอมมัดไว้
3. นำไปหมูที่ห่อไปนึ่งจนสุก
4. ทำน้ำยำมะนาวโดยนำกระเทียม พริก ผักชีทั้งต้น เกลือ น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว ไปปั่นด้วยเครื่องปั่น จนส่วนผสมเข้ากัน
5. นำน้ำยำมะนาวไปราดบนหมูห่อผักกาดขาวก่อนจัดเสิร์ฟ

วันจันทร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ขนมอาลัว

ขนมอาลัว

นำมะพร้าวขูดไปผสมกับน้ำลอยดอกมะลิ จากนั้นนำไปคั้นจนได้น้ำกระทิ  นำแป้งสาลี, แป้งถั่วเขียว และแป้งมันร่อนผสมกัน  นำน้ำกะทิผสมกับแป้งและน้ำตาล คนจนละลายเข้ากันดี จึงนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง เสร็จแล้วนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง ใส่สีผสมอาหารลงไป และกวนเรื่อยจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี (แป้งจะมีลักษณะเหนียวใสๆ ถ้านำไปหยอดในน้ำ แล้วแป้งยังคงรูปอยู่ก็เป็นอันใช้ได้)  นำน้ำแป้งที่ได้ตักใส่ถุงบีบ แล้วจึงบีบลงในถาดที่ทาเนยขาวบาง ๆ แล้วจึงนำไปตากแดดสัก 2 - 3 แดด เสร็จแล้วนำไปอบควันเทียน  จัดใส่จานเสริฟได้ทันที หรือใส่กระปุกมิดชิดเก็บไว้รับประทานภายหลังได้ 


ขนมทองเอก

ขนมทองเอก

ขนมไทยที่มีส่วนผสมของแป้งสาลี น้ำตาล ไข่แดง และกะทิ กวนจนข้น แล้วนำใส่แม่พิมพ์ให้ได้รูปตามที่ต้องการ จากนั้นจึงแคะออกจากแม่พิมพ์ แล้วนำมาอบด้วยเทียนอบ
ขนมทองเอกในสมัยโบราณนั้นได้มีการนำทองคำเปลวมาตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ มาประดับไว้ด้านบนของขนมทองเอก โดยใช้วิธีการวางแผ่นทองคำเปลววางไว้บนแม่พิมพ์ก่อนเทขนมทองเอกลงในแม่พิมพ์ แต่ปัจจุบันไม่มีการนำทองคำเปลวมาตกแต่งขนมทองเอก เนื่องจากทองคำเปลวเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้รับประทาน



ขนมจี้้

ขนมจี้้

เป็นขนมไทยชาววังที่หากินไม่ได้แล้วในยุคนี้ ส่วนผสมทำด้วยแป้งข้าวเหนียวผสมกับแป้งข้าวเจ้า แล้วนวดกับกะทิ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ แบนๆ มีไส้ที่ทำด้วยน้ำตาลทรายเคี่ยวผสมกับงาคั่ว จากนั้นคลุกกับนวลแป้งข้าวเจ้าที่คั่วสุกแล้ว รสหวานและมีกลิ่นหอม ว่ากันว่าเวลาหยิบใส่ปากแล้วต้องรีบหุบปาก มิเช่นนั้นนวลแป้งที่คลุกขนมจะฟุ้ง