วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

ร้านที่4 ร้านที่5


ร้านที่ 4  :  ต้นเครื่อง

ร้านอาหารชาววังท่ามกลางบรรยากาศสวนในบ้าน - ร้านอาหารที่ตั้งชื่อตามชื่อของห้องครัวชาววังในสมัยก่อนแห่งนี้มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อยมานาน อาหารไทยของที่นี่เป็นสูตรโบราณหาทานยาก อย่าง "ม้าฮ่อ" ของกินเล่นแบบโบราณที่นำเอาหมูสับผัดกับเครื่องปั้นเป็นลูกกลมๆวางบนชิ้นสัปปะรด หรือจะเป็น"ห่อหมกขนมครก" ห่อหมกอันเล็กๆ ชิ้นพอดีคำ ที่เสิร์ฟมาให้หลุมขนมครก รสชาติถึงเครื่องแกง หอมมันกะทิ และร้อนกรุ่นอยู่ตลอดเพราะถูกครอบไว้ด้วยฝาขนมครกดินเผานั่นเอง หรือจะลอง "น้ำพริกลงเรือ" ที่มีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่น ตรงที่ใช้หมูหวานลงไปผัดกับเครื่องน้ำพริกด้วย ทำให้มีเนื้อมีหนังให้เคี้ยวมากกว่าน้ำพริกลงเรือแบบทั่วไป ที่สำคัญคือกินคู่กับ "สายบัว" สด ยิ่งทำให้เป็นเมนูเดิมๆ เมนูนี้ แตกต่างจากที่เคยกินมาอย่างชัดเจน แถมบรรยากาศร่มรื่นกว้างขวาง ตกแต่งให้เหมือนมีสวนอยู่ในบ้าน ทำให้ร้านนี้กลายเป็นร้านอาหารประจำใจของใครหลายคน
ตั้งอยู่ที่ 239 ซอย ทองหล่อ 13 (ทองหล่อ 13) คลองตันเหนือ , วัฒนา , กรุงเทพมหานคร 10110 
เบอร์ติดต่อ02-391 8703, 02-391 8719  เวลาเปิดบริการทุกวัน : 11:00 - 22:00
 


ร้านที่ 5  :  โอรส

อาหารไทยประยุกต์แบบไร้ผงชูรส - อีกหนึ่งทางเลือกของคนรักอาหารไทยที่ใส่ใจในสุขภาพ เพราะร้าน "โอรส" ไม่ใส่ผงชูรสลงในอาหาร และเน้นเมนูอาหารที่มีส่วนผสมของผักกับสมุนไพรไทยเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น "ยำใบบัวบก" ที่ใช้พืชมากสรรพคุณทางยาอย่างใบบัวบกสดมายำกับน้ำยำรสจัด ใส่กุ้งแห้งและมะพร้าวคั่วเพิ่มความหอมมัน หรือ "ก๋วยเตี๋ยวคำหวาน" ที่นำกุ้ง หมูสับ ไข่ดาว กุ้งแห้งและก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ มาห่อในใบคะน้าเป็นคำๆ แบเมี่ยง แล้วกินคู่กับน้ำจิ้มรสหวานอมเปรี้ยวเคี้ยวเพลิน หรือจะเป็น "ยำเส้นแก้ว" ที่ใช้เส้นแก้ว ปลาหมึก เห็ด กุ้งและหมูสับมาผสมกับต้นหอม กุ้ยช่าย มะเขือเทศ กับแครอท เคล้าด้วยน้ำยำรสจัด ตบท้ายด้วย "ต้มยำหมูตุ๋น" ที่มีหมูชิ้นนุ่มว่ายวนอยู่ในน้ำใสรสชาติเผ็ดร้อนถึงใจ แล้วดับความเผ็ดร้อนของอาหาร ด้วยน้ำสมุนไพรไทย "น้ำรามูเน่" น้ำดอกอัญชันผสมมะนาวสีม่วงสดใส มีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง และนอกจากอาหารจะอร่อยแล้ว ยังนั่งสบายกับบรรยากาศการตกแต่งร้านแบบเรียบง่าย แต่มีกลิ่นอายวินเทจ ด้วยแชเดอร์เลียระย้าแบบโบราณ ให้แสงไฟนวลตาและพาบรรยากาศให้โรแมนติก เหมาะจะพาคนรักมาดินเนอร์ด้วยสุดๆ

ตั้งอยู่ที่ 317/9 ถนนราชสีมา (สี่แยกร่วมฤดี) ถนนนครไชยศรี , ดุสิต , กรุงเทพมหานคร 10300 

เบอร์ติดต่อ02-669-7232, 02-669-7574  เวลาเปิดบริการทุกวัน: 11:00 - 23:00

                          

ร้านอาหารที่2-3


ร้านที่ 2 : Patara fine Thai Cuisine thongler

อาหารไทยแท้ที่เข้าถึงง่าย - ร้านอาหารไทยตำรับชาววังใจกลางซอยทองหล่อที่นำเอาบ้านเก่าหลังงามมารีโนเวท ตกแต่งใหม่เป็นร้านอาหารที่ผสมผสานความเป็นไทยกับโมเดิร์นเข้าไว้ด้วยกัน อย่างลงตัว ร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่ถูกใจคนไทยและต่างชาติ อาหารของทางร้านมีทั้งอาหารไทยประยุกต์และอาหารไทยโบราณสูตรดั้งเดิมที่ เรียกว่า หาทานได้ยาก การเลือกใช้วัตถุดิบในการปรุงไปจนถึงการเลือกภาชนะกระทั่งการจัดจานเรียกได้ ว่าประณีตทุกกระบวนการ เมนูเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ต้องลิ้มลองเป็น "ยำตะไคร้ปาท่องโก๋กรอบ" ที่นำเอา ปาท่องโก๋ทอดราดน้ำยำ ที่น้ำยำทำจากน้ำพริกเผาและมะขามเปียกคลุกเคล้ากับเครื่องสมุนไพร หรือจะลองแกงเผ็ดเป็ดย่าง กับข้าวสี่สี อย่าง "ข้าวมันปู" "ข้าวหอมมะลิ" "ข้าวหอมดอกคำฝอย" และ "ข้าวหอมใบเตย" จะได้อรรถรสเป็นอย่างมาก
ตั้งอยู่ที่ 375 ซอยทองหล่อ 19 ถนนสุขุมวิท 55 ทองหล่อ คลองตันเหนือ , วัฒนา , กรุงเทพมหานคร 10110 
เบอร์ติดต่อ02-185-2960-1  เวลาเปิดบริการทุกวัน: 11:30 - 14:30, 18:00 - 23:00

 
 

ร้านที่ 3 : Nara Thai Cuisine เอราวัณ

อร่อยแบบไทยๆ ในสไตล์โมเดิร์น - ร้านอาหารตกแต่งสไตล์โมเดิร์นที่แทรกเอาเอกลักษณ์ไทยไว้ด้วยร้านนี้รวมเอาอาหารไทยชื่อดังจากทุกภาคของประเทศมาเป็นเมนูโดยเน้นอาหารภาคกลางและอาหารรสจัดเป็นหลัก แต่เมนูสร้างชื่อของร้านเป็นก๋วยเตี๋ยวเรือหมูและเนื้อที่ครบเครื่อง ทั้งเนื้อชิ้นใหญ่สไลด์บาง ลูกชิ้นลูกโต ซดน้ำได้รสแซ่บจี๊ดจ๊าดถึงใจ และก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่แม้จะเป็นก๋วยเตี๋ยวขึ้นห้าง แต่รสชาติก็จัดจ้านไม่แพ้ร้านแบบดั้งเดิม ส่วนอาหารไทยของที่นี่ก็อร่อยไม่แพ้ใคร "แกงเขียวหวานเนื้อน่อง" นี่แหละแจ่มสุดยอด เพราะเขาคัดเนื้อน่องมาตุ๋นจนเปื่อยราดด้วยแกงเขียวหวานน้ำขลุกขลิกเข้มข้ม หรือ "ยำมะเขือกุ้งสด" ส่วนเมนูของหวานที่ทุกคนติดใจหนีไม่พ้น "ไอศครีมกะทิ" ที่ทางร้านให้เลือกเครื่องเองได้ไม่อั้น ว่าจะเป็น "ข้าวเหนียวมูล" "ข้าวโพด" "ขนุน" "ทับทิมกรอบ" และ "ลอดช่อง" ถือว่าใจป้ำจริงๆ
 
 
 
 

12 ร้านอาหารไทยต้นตำรับ


12 ร้านอาหารไทยต้นตำรับห้ามพลาด

หากจะเอ่ยถึงความภาคภูมิใจของประเทศไทย นอกเหนือจากสถานที่ท่องเที่ยวและประเพณีอันดีงาม คงหนีไม่พ้นเรื่องของอาหาร อาหารไทยถือเป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่เล่าขานความเป็นมาของชนชาติ ความประณีตละเอียดอ่อนในทุกขั้นตอนการปรุงกระทั่งการแกะสลักจัดจานอย่างสวยงามก่อนเสิร์ฟขึ้นโต๊ะ ทำให้อาหารไทยมีชื่อเสียงโด่งดังจนติดอันดับอาหารอร่อยของโลกที่นานาชาติให้การยอมรับ ถึงอย่างนั้นร้านอาหารไทยในทุกวันนี้จะมีสักกี่ร้านที่จัดได้ว่าเป็นอาหารไทยต้นตำรับ เราจึงคัดสรรอาหารไทยต้นตำรับรสชาติอร่อยล้ำที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงมาให้ไปลองลิ้มชิมรสกัน หรือใครมีเพื่อนต่างชาติที่อยากจะลิ้มลองอาหารไทยแท้ ก็พาไปที่ร้านเหล่านี้ได้ รับรองว่าไม่ผิดหวัง.

ร้านที่  1  : หลายรส

คิดถึงข้าวแช่ชาววัง คิดถึงหลายรสเท่านั้น - พอถึงหน้าร้อนทีไร คงไม่มีอาหารไทยเมนูไหนคลายร้อนได้ดีเท่าอาหารชาววังอย่าง "ข้าวแช่" อีกแล้ว และเมื่อคิดถึง "ข้าวแช่" ตำรับชาววังแท้ๆ ประณีตบรรจงในการทำทุกขั้นตอน และครองใจนักชิมตั้งแต่รุ่นใหญ่จนถึงรุ่นเล็ก ก็ต้องหนีไม่พ้น "ข้าวแช่" ของร้าน "หลายรส" แน่ๆ เพราะ "ข้าวแช่" ร้าน "หลายรส" เป็นสูตรของวังละโว้ ที่มีจุดเด่นตรงเครื่องเคียงซึ่งบรรจงปรุงอย่างพิถีพิถัน ได้ทานคู่กับข้าวสวยแช่น้ำอบกลิ่นดอกไม้ ลูกกะปิ หมูหวาน หัวหอมยัดไส้ พริกหยวกยัดไส้หมูสับ ที่เข้ากับความหอมเย็นชื่นใจของข้าวแช่ เป็นความกลมกล่อมชื่นใจที่เหมาะกับหน้าร้อนจริงๆ และนอกจากข้าวแช่ ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทยแท้ที่กินแล้วเป็นต้องคิดถึงรสมือคุณยาย เพราะเป็นรสชาติแบบไทยแท้ๆ ถึงเครื่องทุกอย่าง....ใครอยากพาครอบครัวมาอร่อยกับข้าวแช่ และอาหารไทยแท้ใต้ชายคาบ้านเก่าสไตล์โคโลเนียล คลอไปกับเพลงสุนทราภรณ์ในบรรยากาศเก่าๆ ในสนนราคาที่ไม่แพงต้องที่นี่เลย

ตั้งอยู่ที่ 120/4-5 สุขุมวิท 49 (ตรงข้ามโรงพยาบาลสมิติเวช) คลองตันเหนือ , วัฒนา , กรุงเทพมหานคร 10110 

เบอร์ติดต่อ02-391-3193, 02-712-5777   เวลาเปิดบริการทุกวัน: 11:00 - 21:30

 
 

วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

วิธีทำแกงไตปลา&ไส้อั่ว

แกงไตปลา

ส่วนผสม
ปลาสำลี
1 ตัว
ไตปลา
30 กรัม
ใบมะกรูด
3 ใบ

ขมิ้นหั่น
3 หัว
ข่าหั่น
16 กรัม
หอมแดง
8 กรัม
กระเทียม
4 กรัม
ตะไคร้หั่นละเอียด
24 กรัม
พริกขี้หนูสด
30 เม็ด
พริกไทยเม็ด
5 กรัม
กะปิ
7 กรัม



วิธีทำเครื่องแกง
  • โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด
  • ล้างทำความสะอาดกุ้งทั้งเปลือก หั่นส่วนหัวทิ้ง ก่อนชั่งน้ำหนักตามสูตร รวนกุ้งทั้งเปลือกพร้อมเกลือเล็กน้อย (เพื่อกระจายความร้อนในกระทะ) จนกระทั่งได้เริ่มได้กลิ่นหอมของเปลือกกุ้งและตัวกุ้งเป็นสีส้มแสดงว่าสุกได้ที่
  • ตักกุ้งออกจากกะทะ ทิ้งไว้ให้คลายร้อนเล็กน้อย จึงปอกเปลือกกุ้งออก (ส่วนรับประทานได้คิดเป็นสัดส่วน ครึ่งหนึ่งของน้ำหนักเริ่มต้น)
  • หั่นกุ้งเป็นชิ้นขนาดประมาณ 1 เซนติเมตร สำหรับคลุกกับน้ำพริกกะปิ
  • ปรุงน้ำพริกกะปิโดย โขลกกะปิที่เผาหรือเข้าไมโครเวฟจนหมาดกับกระเทียมให้ละเอียด จากนั้นเติมพริกขี้หนูลงทุบพอแตก
  • ใส่กุ้งที่หั่นแล้ว ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำตาลปึก น้ำปลา ตามด้วยมะเขือพวงบุบพอแตก แล้วจึงตักขึ้น
  • จัดน้ำพริกคู่กับของแนมได้แก่ แตงกวา, ถั่วพู, ขมิ้นขาว และปลาดุกฟู ตามสัดส่วนบริโภค
  • ล้างปลาสำลี ควักไส้ออก ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ นำไปย่างให้สุกแกะเอาแต่เนื้อ
  • เอาน้ำ 2 ถ้วยใส่หม้อตั้งไฟ พอน้ำเดือดใส่ไตปลา ปล่อยให้เดือดอีกครั้ง กรองเอาแต่น้ำแล้วนำขึ้นตั้งไฟใหม่
  • ใส่เครื่องแกงที่โขลกไว้ พอหอมใส่เนื้อปลาที่ย่างไว้ ต้มจนเดือด ใส่ใบมะกรูดฉีก รับประทานกับผักสด เช่น สะตอ ยอดชะอม ถั่วฝักยาว ถั่วพู แตงกวา

ไส้อั่ว


ส่วนผสม
1.
เนื้อหมูบด
2.
ไส้หมู

3.
ใบมะกรูด

4.
ผักชีซอย

5.
ต้นหอมซอย

เครื่องแกง

1.
พริกแห้ง

2.
ข่าหั่น

3.
ตะไคร้ซอย

4.
หอมแดง

5.
กระเทียม

6.
กะปิ

7.
เกลือ

ขั้นตอนทำ
1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ล้างไส้หมูให้สะอาด โดยใส่น้ำลงในไส้ แล้วกลับด้านในออกมาด้านนอก นำไปแช่น้ำใส่เกลือ ประมาณ 10 นาที แล้วกลับด้านนอกออกเหมือนเดิม 
3. ใส่เครื่องแกงลงคลุกเคล้ากับเนื้อหมูบดให้เข้ากัน
4. ใส่ผักชีต้นหอมซอย ใบมะกรูดซอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน
5. นำหมูที่คลุกเคล้าเรียบร้อยแล้ว มากรอกใส่ไส้หมู โดยใช้กรวยช่วยในการกรอกหมูใส่ไส้ 
6. เมื่อกรอกไส้จนเต็มแล้ว มัดปากไส้
7. นำไส้อั่วที่ได้มาย่างไฟอ่อนๆ จนสุกเหลืองทั่ว ประมาณ 45 นาที 

วิธีทำต้มยำกุ้ง&ลาบหมู

เมนูอาหาร 4  ภาค

ต้มยำกุ้ง

ส่วนผสม
§  กุ้งกุลาดำตัวใหญ่ หรือกุ้งแม่น้ำ
§  เห็ดฟางผ่าครึ่ง
§  พริกขี้หนู
§  ใบมะกรูดฉีกเอาก้านออก
§  ข่าหั่นแว่น
§  ตะไคร้ทุบแล้วหั่นท่อน
§  ผักชี โรยหน้า
§  น้ำพริกเผา 1 ช้อนชา
§  มะนาว 1 ลูก
§  กะทิหรือนมข้นจืด 1/2 ถ้วย
§  น้ำตาล 1/2 ช้อนโต๊ะ
§  น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
§  เกลือ หยิบมือ
§  น้ำซุป (ถ้าไม่มีเป็นซุปสำเร็จรูปกับน้ำเปล่า)

ขั้นตอนการทำ
1.ก่อนอื่นต้องแกะเปลือกกุ้งผ่าเอาเส้นดำออกล้างให้สะอาด หั่นเครื่องต้มยำ พริก ขิง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูดและเห็ด ให้พร้อม
2.นำน้ำซุปไปตั้งไฟให้เดือด ใส่เครื่องต้มยำลงไปให้หมด ให้เดือดอีกครั้งก็ใสกุ้งที่เตรียมไว้ลงไปเลย
3.หลังจากใส่กุ้งลงไปแล้ว ให้ใส่ น้ำตาล น้ำปลา พริกขี้หนู พริกเผา ใครชอบรสแบบไหนใส่ลงไปตามชอบ ตามด้วยเห็ดฟาง
4.ปิดเตาแล้วค่อยปรุงด้วยมะนาว(เคล็ดลับการบีบน้ำมะนาวใส่ในน้ำที่กำลังเดือดทำให้มะนาวข่มได้) โรยเกลือนิดหน่อยเพื่อดึงรสเปรี้ยวหวานเค็มให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
5.จัดชามเสิร์ฟ หั่นผักโรยหน้า เพิ่มความหอม

ลาบหมู
ส่วนผสม
·         เนื้อหมู สับละเอียด
·         ตับหมู
·         หนังหมู
·         ไส้ตัน
·         หอมแดง ซอยแว่นบาง
·         ต้นหอมซอย
·         ใบสะระแหน่
·         ผักชีฝรั่ง หั่นหยาบๆ
·         ข้าวคั่วป่น
·         พริกป่น
·         น้ำปลา
·         มะนาว
·         พริกขี้หนูแห้งทอด สำหรับแต่งหน้า
·         ผักเสิร์ฟเคียง กะหล่ำ ถั่วฝักยาว ผักกาดหอม ฯลฯ

ขั้นตอนทำ
1.       ต้มน้ำด้วยไฟปานกลางจนเดือด ใส่ ตับหมู ไส้ตัน หนังหมู ต้มจนพอสุก ปิดไฟ หั่นตับหมูบางๆ เป็นชิ้นพอคำ ไส้หมูเป็นท่อนพอคำ และ หั่นหนังหมูเป็นเส้น พักไว้
2.       ต้มน้ำปริมาณเล็กน้อยให้เดือดด้วยไฟปานกลาง ใส่หมูสับลงไป รวนจนหมูพอสุก แยกเเอาเฉพาะหมู
3.       คุลุกเคล้า เนื้อหมู ตับหมู ไส้ตัน หนังหมู หอมแดง ต้นหอม สะระแหน่ ผักชี (แบ่ง ผักชี และ สะระแหน่ ไว้แต่งหน้าซักเล็กน้อย) คลุกให้เข้ากัน
4.       ปรุงรสด้วย ข้าวคั่ว น้ำปลา มะนาว และ พริกป่น ชิมรสตามใจชอบ

5.       ตักใส่จานที่รองพื้นด้วยกะหล่ำ แต่งหน้าด้วย ใบสะระแหน่ ผักชีฝรั่ง พริกขี้หนูแห้งทอด เสิร์ฟพร้อมผักเคียงเช่น ถัวฝักยาว ผักกาดหอม ถั่วพร้อมเสิร์ฟ